จักรยานเสือหมอบเพื่อสุขภาพ เลือกยังไงดี?


 จักรยานเสือหมอบเพื่อสุขภาพที่ดีไม่ได้ขึ้นอยู่กับราคาเท่านั้น แต่มันขึ้นอยู่กับสเป็คที่เหมาะสมกับคุณ ดังต่อไปนี้:

1. เฟรม (Frame): สำหรับจักรยานเสือหมอบที่ใช้เพื่อสุขภาพ แนะนำให้เลือกเฟรมที่ทำจากอลูมิเนียม ซึ่งมีน้ำหนักที่เบาและมีราคาที่เหมาะสม อีกทั้งยังมีความทนทานสูง เฟรมที่ทำจากคาร์บอนเบากว่าแต่มีราคาสูงขึ้น สำหรับคนที่ปั่นมาก คาร์บอนอาจเป็นตัวเลือกที่ดี

เปรียบเทียบวัสดุเฟรมจักรยานที่เป็นเหล็ก, อลูมิเนียม, และคาร์บอนไฟเบอร์

  1. เหล็ก (Steel): เฟรมเหล็กมีน้ำหนักมากกว่าวัสดุอื่น ๆ แต่มันมีความแข็งแรงและความยืดหยุ่นที่ดี ซึ่งทำให้การขี่มันนุ่มนวลและสบาย คุณสมบัติเหล่านี้ทำให้เหล็กเหมาะสมสำหรับการขี่ระยะยาวหรือการขี่ในพื้นที่ที่มีภูมิประเทศที่ท้าทาย
  2. อลูมิเนียม (Aluminum): เฟรมอลูมิเนียมน้ำหนักเบากว่าเหล็กและมีราคาที่เหมาะสม แต่มันสามารถส่งผ่านความสั่นสะเทือนจากถนนมากกว่าเหล็ก ดังนั้น, คุณอาจรู้สึกว่าการขี่มันสะเทือนมากขึ้น แต่สำหรับการขี่ในเส้นทางที่ราบและสภาพถนนที่ดี, คุณไม่ค่อยจะรู้สึกถึงความแตกต่างนี้
  3. คาร์บอนไฟเบอร์ (Carbon Fiber): เฟรมคาร์บอนไฟเบอร์เบาที่สุดและทั้งนั้นยังมีความแข็งแรงที่ดี วัสดุนี้ยังสามารถจูนให้ได้รูปทรงที่ซับซ้อนได้, สามารถยืดหยุ่นในบางส่วนและแข็งแรงในบางส่วน เฟรมคาร์บอนไฟเบอร์สามารถจำลองคุณสมบัติที่ดีของเหล็กและอลูมิเนียม แต่มีราคาสูง

ในที่สุด, การเลือกวัสดุเฟรมขึ้นอยู่กับความต้องการ, งบประมาณ, และการขี่ของคุณ. ขณะที่คาร์บอนไฟเบอร์มักจะถูกพิจารณาว่าเป็นวัสดุที่ดีที่สุดสำหรับจักรยานถนน, ทั้งเหล็กและอลูมิเนียมยังมีคุณสมบัติที่ยอดเยี่ยมและสามารถให้ประสิทธิภาพที่ดีในสภาวะการขี่ที่เหมาะสม.

2. ระบบเปลี่ยนเกียร์ (Gearing System): ระบบเปลี่ยนเกียร์ที่มีคุณภาพดีจะทำให้การปั่นเป็นไปได้อย่างราบรื่นและลดความเหนื่อยล้า สำหรับการปั่นจักรยานเพื่อสุขภาพ คุณอาจต้องการเกียร์ที่หลากหลายระดับ เพื่อความสะดวกสบายในการปั่นขึ้นเนินหรือบนทางราบ มองหาจักรยานที่มีระบบเกียร์แบบมือตบจะใช้งานสะดวกกว่าแบบสับถัง

ขนาดของจานหน้าและเฟืองหลัง รวมถึงจำนวนของเกียร์หรือ "สปีด" สำหรับจักรยานถนนเพื่อสุขภาพจะขึ้นอยู่กับระดับฝึกฝน, แนวโน้มในการขี่, และประเภทของเส้นทางที่คุณมักจะขี่

  1. Chain Ring (จานหน้า): จักรยานถนนเพื่อสุขภาพมักจะมีจานหน้า 2 ใบ, มักจะมีระหว่าง 34-36 ฟันสำหรับเกียร์น้อย (inner ring) และระหว่าง 50-53 ฟันสำหรับเกียร์ใหญ่ (outer ring) สำหรับการปั่นเพื่อสุขภาพทั่วไป จานหน้าขนาด 50/34 (จำนวนเฟืองจานใหญ่/จำนวนเฟืองจานเล็ก) จะเหมาะสม 
  2. Cassette (แถวเกียร์หลัง): ขนาดของเฟืองหลัง, หรือ "Cassette", จะขึ้นอยู่กับจำนวนของเกียร์หรือ "สปีด" ที่คุณต้องการ สำหรับผู้เริ่มต้นหรือคนที่ขี่เพื่อสุขภาพ, 11-32 หรือ 12-34 ถือว่าเหมาะสม จำนวนนี้ระบุถึงจำนวนของฟันบนเฟืองที่น้อยที่สุดและฟันบนเฟืองที่ใหญ่ที่สุดใน Cassette ตามลำดับ
  3. สปีด: จำนวนของเกียร์หรือ "สปีด" จะขึ้นอยู่กับความต้องการของคุณ จักรยานถนนมักจะมีระหว่าง 16-22 สปีด ถ้าคุณเริ่มต้นขี่จักรยาน, จักรยานถนนที่มี 16-18 สปีดจะเพียงพอสำหรับคุณ. แต่ถ้าคุณขี่ในพื้นที่ที่มีทั้งทางราบและทางขึ้น, หรือถ้าคุณต้องการมีความยืดหยุ่นในการปรับเปลี่ยนเกียร์, คุณอาจต้องการพิจารณาจักรยานที่มี 20-22 สปีด

โดยรวม, ขนาดของจานหน้าและเฟืองหลัง และจำนวนของสปีดจะมีผลต่อช่วงเกียร์, หรือความเร็วที่เป็นไปได้ของจักรยาน หากคุณเริ่มต้นขี่จักรยาน, คุณอาจต้องการปรึกษากับผู้ขายจักรยานเพื่อให้แน่ใจว่าคุณได้เลือกขนาดที่เหมาะสมสำหรับความต้องการและระดับฝึกฝนของคุณ

3. ล้อจักรยาน (Wheels): เลือกล้อสำหรับจักรยานถนนเพื่อสุขภาพควรพิจารณาคุณสมบัติต่างๆ เพื่อให้เหมาะสมกับการปั่นถนนเพื่อสุขภาพของคุณ นี่คือคำแนะนำเกี่ยวกับล้อสำหรับจักรยานถนนเพื่อสุขภาพ:
  1. ขนาดล้อ: สำหรับจักรยานถนนเพื่อสุขภาพทั่วไป ล้อขนาด 700c เป็นที่นิยมมากที่สุด มีความเร็วสูงและสามารถทำงานได้ดีในสภาพถนนที่เรียบ
  2. วัสดุล้อ: ล้อจักรยานถนนสำหรับสุขภาพมักใช้ล้อที่ทำจากวัสดุอลูมิเนียม (aluminum) เนื่องจากมีน้ำหนักเบาและมีความแข็งแรงในการต้านทานแรงกระแทก แต่ถ้ามีงบประมาณการใช้ล้อที่ทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ ก็จะได้ประสิทธิภาพในการปั่นที่เพิ่มขึ้น
  3. จำนวนซี่ลวด (Spokes): เลือกล้อที่มีจำนวนซี่ลวดที่เหมาะสม เนื่องจากซี่ลวดมีบทบาทในการแจกแจงแรงกระแทกจากถนน ล้อที่มีซี่ลวดมากกว่าจะให้ความยืดหยุ่นและสามารถดูดสะเทือนได้ดีกว่า
  4. ขอบล้อ (Rims): ล้อที่มีขอบกว้างเหมาะสำหรับการปั่นจักรยานถนนเพื่อสุขภาพ เนื่องจากสามารถรองรับยางที่กว้างกว่าและให้ความเสถียรในการเบรกและเลี้ยว
  5. ความกว้างยาง: เลือกความกว้างยางที่เหมาะสมกับการปั่นถนน เช่น 23c, 25c, 28c ซึ่งจะมีผลต่อความสบายและเกาะถนนในสภาพผิวถนนต่าง ๆ
ทั้งนี้ควรพิจารณาสภาพถนนและสไตล์การปั่นของคุณเพื่อเลือกล้อที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคุณ

4. ยางรถ (Tires): ยางรถที่มีขนาดใหญ่ขึ้นจะให้ความสบายมากขึ้นและช่วยในการขับขี่บนถนนที่ไม่ราบเรียบ ยางที่มีขนาด 25 มม. หรือมากกว่า นิยมในการปั่นเพื่อสุขภาพ

สำหรับยางนอก (tire) ที่เหมาะสำหรับการปั่นจักรยานถนนเพื่อสุขภาพ นี่คือคำแนะนำ:

  1. Continental Grand Prix 5000: ยางนอกรุ่นนี้เป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายในวงการจักรยานถนน เนื่องจากมีความยืดหยุ่นและความทนทานที่ดี มีจำนวนเส้นใย (TPI) ที่สูง ทำให้มีความทนทานและความเร็วสูง
  2. Michelin Power Competition: ยางนอกตระกูลนี้ถูกออกแบบมาเพื่อความเร็วและประสิทธิภาพในการแข่งขัน มีดีกรีความต้านทานต่ำและความยืดหยุ่นที่ดี เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มความเร็วในการปั่นถนน
  3. Vittoria Rubino Pro: ยางนอกรุ่นนี้เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าและมีประสิทธิภาพในราคาที่เหมาะสม มีความทนทานสูงและความยืดหยุ่นดี มีรูปแบบแบบพับที่สะดวกต่อการเปลี่ยนยาง
  4. Schwalbe One: ยางนอกตระกูล Schwalbe One เหมาะสำหรับคนที่ต้องการความเร็วและความเป็นมืออาชีพในการปั่น เนื่องจากมีจำนวนเส้นใย (TPI) ที่สูงและรูปแบบพื้นผิวที่ช่วยให้มีการติดตั้งบนถนนที่เรียบ น้ำหนักเบาและมีความทนทาน
  5. Pirelli P Zero Velo: ยางนอกรุ่นนี้มีความเร็วและการควบคุมที่ดี ออกแบบมาเพื่อการปั่นในสภาพที่แห้งและเปียก ให้การเกาะถนนที่ดีและความเสถียรในทุกสภาพถนน

ควรจำไว้ว่าการเลือกยางนอกนั้นขึ้นอยู่กับสภาพถนนและสไตล์การปั่นของคุณด้วย คำแนะนำข้างต้นเป็นเพียงตัวอย่าง และคุณควรพิจารณาตามความต้องการส่วนบุคคลของคุณเพื่อเลือกยางที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคุณ

5. อาน (Saddle): การเลือกอานที่สบายและเหมาะสมกับรูปร่างของคุณเป็นสิ่งที่สำคัญ อาจจะมีการปรับความสูงและมุมอาน สำหรับการปั่นจักรยานในระยะทางยาวๆ คุณอาจต้องการอานที่มีเทคโนโลยีลดแรงกระแทก นี่คือคำแนะนำเบาะสำหรับจักรยานถนนเพื่อสุขภาพ:

  1. Fizik Arione: อานจักรยานรุ่น Arione จาก Fizik เป็นที่นิยมในวงการจักรยานถนน เนื่องจากมีรูปทรงที่เบาและสามารถให้ความสบายในการปั่นได้ในระยะทางยาว มีความยาวและขนาดที่เหมาะสมสำหรับการปั่นถนน
  2. Specialized Power: อานจักรยานรุ่น Power จาก Specialized มีรูปทรงแบบส่วนตัวที่เหมาะสำหรับผู้ที่มีความสามารถในการปั่นแบบเอนเดอร์ (aggressive riding position)
  3. Selle Italia SLR: เบาะรุ่น SLR จาก Selle Italia เป็นเบาะที่เบาและบาง ออกแบบมาเพื่อการปั่นที่เร็วและการแข่งขัน มีโครงสร้างแบบเปล่าโดยไม่มีแผ่นเบาะและให้ความสบายในระยะทางยาว
  4. Brooks England B17: เบาะรุ่น B17 จาก Brooks England เป็นเบาะแบบแฟชั่นและคลาสสิก ทำจากหนังจระเข้แท้ที่มีความคลาสสิกและสะดวกสบายในการปั่น อาจต้องใช้เวลาในการทำความรู้จักและปรับใช้กับร่างกายของคุณ
  5. Prologo Dimension: เบาะรุ่น Dimension จาก Prologo มีรูปทรงกว้างและสั้นที่ช่วยให้มีพื้นที่หน้ากว้างขึ้น มีการรองรับและลดแรงกดที่แผ่นสันหลัง ให้ความสบายในการปั่นที่นานขึ้น

อย่าลืมว่าการเลือกอานควรเป็นไปตามความสบายและการปรับให้เหมาะสมกับร่างกายของคุณ ควรทดลองนั่งและปรับอานเพื่อหาตำแหน่งที่เหมาะสมสำหรับคุณก่อนตัดสินใจเลือกใช้

6. ระบบเบรก (Brakes): เบรกแบบดิสก์เป็นที่นิยมในจักรยานถนนเพราะมีความสามารถในการเบรกที่ดีในสภาพอากาศทุกแบบ. มันเพิ่มน้ำหนักเล็กน้อย แต่เพิ่มประสิทธิภาพการเบรกและความปลอดภัย

ระบบดิสก์เบรคจักรยานถนนแบบน้ำมัน (Hydraulic Disc Brake) และระบบดิสก์เบรคจักรยานถนนแบบสายดึง (Cable-actuated Disc Brake) มีความแตกต่างกันดังนี้:

ระบบดิสก์เบรคแบบน้ำมัน:

  1. ประสิทธิภาพการเบรก: ระบบดิสก์เบรคแบบน้ำมันมักมีประสิทธิภาพการเบรกที่ดีกว่าระบบสายดึง เนื่องจากการส่งกำลังให้กับเบรกมีการส่งถึงแม่นยำและเร็วกว่าการทำงานของสายดึง
  2. ความเรียบสนิท: ระบบดิสก์เบรคแบบน้ำมันมักมีการตอบสนองที่ดีกว่า เนื่องจากการทำงานของน้ำมันให้ความเรียบขณะการเบรก
  3. การดูแลรักษา: ระบบดิสก์เบรคแบบน้ำมันมีการดูแลรักษาที่ต้องการมากกว่าระบบสายดึง เนื่องจากต้องเติมน้ำมันเบรกและรักษาความสะอาดของระบบ
  4. ราคา: ระบบดิสก์เบรคแบบน้ำมันมักมีราคาที่สูงกว่าระบบสายดึง รวมถึงต้องใช้ชุดเบรกและอุปกรณ์ที่มีค่าใช้จ่ายสูงขึ้น

ระบบดิสก์เบรคแบบสายดึง:

  1. ราคา: ระบบดิสก์เบรคแบบสายดึงมีราคาที่ต่ำกว่าระบบน้ำมัน ซึ่งทำให้เป็นตัวเลือกที่ทันสมัยและคุ้มค่าสำหรับจักรยานถนนเพื่อสุขภาพ
  2. การบำรุงรักษา: ระบบดิสก์เบรคแบบสายดึงมีการบำรุงรักษาที่ง่ายกว่าระบบน้ำมัน เนื่องจากไม่ต้องเติมน้ำมันเบรกและไม่ต้องดูแลรักษาความสะอาดของระบบเช่นเดียวกับระบบน้ำมัน
  3. ความแม่นยำ: ระบบดิสก์เบรคแบบสายดึงมีความแม่นยำในการเบรกที่ดี แต่ไม่สามารถเทียบเท่าระบบน้ำมันในเรื่องของความแม่นยำในการเบรกได้
  4. ประสิทธิภาพการเบรก: ระบบดิสก์เบรคแบบสายดึงมีประสิทธิภาพการเบรกที่ดีพอใช้ในการปั่นจักรยานถนนเพื่อสุขภาพ แต่อาจมีประสิทธิภาพที่ต่ำกว่าระบบน้ำมันในเงื่อนไขที่ซับซ้อนหรือยากลำบาก

ระบบดิสก์เบรคแบบน้ำมันมีประสิทธิภาพการเบรกที่ดีกว่าและการตอบสนองที่เร็วกว่าระบบสายดึง อย่างไรก็ตามระบบดิสก์เบรคแบบสายดึงเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าและทันสมัยสำหรับผู้ที่ต้องการระบบเบรกดิสก์ในราคาที่ไม่สูงมาก คุณควรพิจารณาความต้องการของคุณและประสบการณ์การปั่นเพื่อตัดสินใจเลือกระบบเบรกที่เหมาะสมกับคุณ

สุดท้าย ต้องเลือกจักรยานที่ถูกปรับให้เหมาะสมกับรูปร่างของคุณ การลองขี่จักรยานก่อนตัดสินใจซื้อเป็นสิ่งที่ควรทำ และการปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับสเป็คที่เหมาะสมกับคุณเป็นสิ่งที่ควรทำ

ผลิตภัณฑ์ช่วยดูแลรักษาจักรยาน


น้ำยาทำความสะอาดโซ่จักรยาน Motip ไม่ต้องล้าง ไม่ต้องขัด มือไม่เลอะ!
สั่งซื้อคลิก https://shp.ee/gc2nka7

ความคิดเห็น